วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

“สุรพงษ์” แนะหยุดยื้อเวลา ถามทางลง "คสช." หลังร่างฯรธน.ไม่ผ่านประชามติ


นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าแบบสอบถามที่สำนักต่างๆไปถามกลุ่มคนเพียง 1200-1350 คน แล้วมาสรุปกันเป็นตุเป็นตะ ว่าประชาชนเชื่ออย่างนั้นอย่างนี้มากกว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการบอกว่าประชาชนเห็นด้วยกับ รธน. ว่าต้องเชื่อฟังท่านนายกประยุทธ์ และนายมีชัย มากกว่าเชื่อฝ่ายการเมือง ซึ่งในแง่วิชาการก็ดูดีแต่ความน่าเชื่อถือของการทำโพลที่เอาใจผู้มีอำนาจหรือตั้งใจที่จะชี้นำสังคมนั้นมันอันตรายอย่างยิ่งและคนที่โพลไปถามมานั้นเป็นกลุ่มคนเดิมๆที่ฝักใฝ่แนวทางการรัฐประหารมากกว่าแนวทางประชาธิปไตยหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ มันจึงทำให้เราไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง มันกลับกลายเป็นว่าพวกเรากำลังหลอกตัวเอง และมีขบวนการหลอกคนอื่นให้หลงเชื่อตามพวกตนเอง และใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างมากสำหรับสังคมไทยและอนาคตของประเทศไทย

ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่า รธน. ฉบับนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลจะยอมรับได้ แต่ด้วยพฤติกรรมของพวกตนเองที่ผูกโยงอยู่กับเผด็จการรัฐประหารมาโดยตลอดและก็เป็นต้นเหตุให้เกิดการปฎิวัติรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา คำถามจึงเกิดขึ้นว่า แล้วแบบนี้พวกเราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกันได้อย่างไร และร่าง รธน.ฉบับนี้ยังเป็น รธน. ที่ยากที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้โดยรัฐสภา นอกเสียจากว่าจะต้องมีการปฎิวัติรัฐประหารและฉีก รธน. ทิ้งกันอีกรอบหนึ่งเท่านั้น จึงจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเปรียบเสมือนการสืบทอดทายาทเอาไว้ เพื่อให้เกิดการปฎิวัติรัฐประหารในอนาคตดังนั้นถ้าจะให้ดีก็อยากให้หัวหน้าคสช. ตัดสินใจให้ทุกฝ่ายออกมารณรงค์กันให้เต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงและรับรู้ความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อที่ประชาชนจะได้ตัดสินใจได้เต็มที่ตอนทำประชามติว่าจะรับหรือไม่รับ วิธีเช่นนี้น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก่อนที่คสช จะเดินเข้าสู่สภาวะการที่ยุ่งยากลำบากและไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนคนไทยและประชาคมโลก และก็ถึงเวลาแล้วที่ คสช. ต้องตัดสินใจประกาศให้ชัดเจนได้แล้วว่าถ้าร่าง รธน. ไม่ผ่านประชามติ คสช.จะทำอย่างไรต่อไป เพราะหมดเวลาแล้วที่ คสช. จะดึงเกมเพื่อเล่นต่อหรือจะต่อเวลาออกไปได้อีกแล้ว

ผมเชื่อว่าบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ ผู้ประกอบการค้าขายการลงทุน ผู้ส่งออก ทั้งหลายคงจะทนรับไม่ไหวกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้อีกต่อไป โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนาและชาวสวน ตลอดจนชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำที่ต้องทนทุกข์อยู่กับความยากลำบากอยู่จนถึงทุกวันนี้ เขาก็คงอดทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น