วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

“ภูมิธรรม” สอน “วิษณุ” วิธีการนอกระบบนำมาซึ่งวิกฤต


นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายวิษณุ รองนายกฯ ระบุถึงข้อเสนอ 16 ข้อให้ กรธ. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะข้อ 16 ที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าดูเหมือนมีความต้องการแอบแฝงเพื่อการสืบทอดอำนาจของกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน โดยนายวิษณุได้ร่วมหารือกับนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ. เพื่อให้นำไปพิจารณาปรับแก้ร่างแรกของรัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญ 2 ขยัก โดยมีข้ออ้างว่ามีความห่วงใยประเทศจะเกิดการสะดุดและแตกแยก เพราะขัดแย้งเหมือนช่วงก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม2557 ทั้งนี้ส่วนตัวตนเห็นด้วยกับแนวความคิดที่ว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม2557 มิใช่วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นจากความจงใจของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อระบอบประชาธิปไตย และต้องการได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารประเทศด้วย วิธีการนอกระบบ ซึ่งวิกฤตการณ์ 22 พฤษภาคม 2557 จึงไม่ใช่วิกฤตตามธรรมชาติแต่เป็นวิกฤตการณ์ช่วงชิงอำนาจที่มีการจงใจสร้างขึ้น และบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐละเลยและไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย รวมถึงการไม่ยอมรับกระบวนการใช้เสียงข้างมากในการตัดสินปัญหาตามกติการะบอบประชาธิปไตย

“สภาพที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไทย รับรู้กันเช่นนี้ นายวิษณุ ไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือ แกล้งโง่ ทำเป็นไม่รู้ ไม่เข้าใจกันแน่ ขณะเดียวกันการมาเยือนประเทศไทยของ นาย Miroslav Jenča ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติฝ่ายกิจการการเมืองและคณะ ที่ได้มาพบกับฝ่ายต่างๆรวมทั้งพรรคเพื่อไทยเพื่อติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยและเพื่อติดตามกระบวนการกลับไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยปกติ ซึ่งการมาเยือนของคณะผู้แทน UN ครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่านานาอารยประเทศมีความห่วงใยประเทศไทยและแสดงความชัดเจนที่อยากเห็นการจัดการเลือกตั้งที่เสรี เที่ยงธรรมเป็นประชาธิปไตยและเชื่อถือได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด”นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ความจริงถ้านายวิษณุ ไม่มุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ “เนติบริกร” รับใช้คณะผู้มีอำนาจอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นายวิษณุน่าจะช่วยผลักดันให้กระบวนการเลือกตั้งต่างๆกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วมากกว่ามามัวทำหน้าที่คอยอธิบาย หาเหตุผลข้ออ้างมาแก้ต่างให้กลุ่มผู้มีอำนาจอย่างที่กำลังพยายามทำอยู่เช่นในปัจจุบัน โดยเฉพาะที่พยายามอธิบายถึงความจำเป็นที่อยากจะคงอยู่ในอำนาจโดยพยายามผลักดันให้ความเป็นประชาธิปไตยของไทยเป็น 2 ขยัก แล้วไปกล่าวอ้างว่าการกระทำเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ถือว่าตั้งใจหาเหตุผลมาตอบสนองความต้องการมีอำนาจของฝ่ายตน อย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดๆ อันที่จริงอดีตที่ควรนำมาสนับสนุนการกระทำในปัจจุบัน ควรเป็นอดีตดีๆที่ควรเอามาเป็นเยี่ยงอย่างโบราณเขาสอนให้นำสิ่งดีมาปฏิบัติ แต่ให้เอาสิ่งเลวร้ายมาเป็นอุทาหรณ์เพื่อระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก เขาให้เอาบทเรียนความผิดพลาดมาเป็นอุทาหรณ์เพื่อจะได้ไม่ผิดซ้ำซากขึ้นอีก ไม่ใช่เอาความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นมาถือปฏิบัติแล้วอ้างว่าอดีตก็เคยทำกันมาวิญญูชนทั้งหลายเขาไม่ทำกันเพราะเขามีความละอายเพียงพอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น