วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561

“หมวดเจี๊ยบ” จี้ รัฐบาล-กองทัพ แก้ปัญหาความรุนแรงในค่ายทหาร แนะ ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร



#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยโทหญิง สุนิสา ทิวากรดำรง หรือ หมวดเจี๊ยบ โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังสมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

“การที่พลทหารรุ่นพี่มาขอขมา พลทหาร คชา พะชะ ที่ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่นั่นก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องการทะเลาะวิวาทส่วนตัว แต่เป็นภาพสะท้อนปัญหาของระบบการซ่อมทหาร ซึ่งมีการใช้ความรุนแรงจนนำไปสู่การซ้อมทรมานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกองทัพ ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณะ ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องและร่วมกันผลักดันหาทางออก

ไม่อย่างนั้น จะเกิดกรณีทการเกณฑ์ถูกซ้อมปางตายแบบ พลทหารฯ คชา เกิดขึ้นซ้ำอีกเรื่อย ๆ เป็นรายที่ 11, 12, 13 โดย พลทหาร คชา ถือ เป็นกรณีที่ 10 ในรอบ 9 ปี ที่ตกเป็นข่าวว่าโดนซ่อมเจียนตาย

ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ในกองทัพก็คงไม่ได้อยากให้เกิดความสูญเสียในลักษณะเช่นนี้ แต่ถ้าต้องการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ก็ต้องเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

และต้องอธิบายให้ได้ว่า ประเด็นการซ่อมทหารนั้น เลิกไปแล้วหรือยังแอบทำกันอยู่ลับ ๆ ไม่อย่างนั้นจะกระทบความเชื่อมั่นของครอบครัวผู้ที่จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในอนาคต

ที่สำคัญ มาตรการเร่งด่วนที่ควรทำขณะนี้ คือ ต้องเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอก โดยเฉพาะผู้ปกครองและภาคประชาสังคม ได้มีส่วนร่วมในการสอดส่องความเป็นไปของลูกหลานที่อยู่ในความดูแลของกองทัพ โดยอาจอยู่ในรูปของคณะกรรมการ คล้ายๆ กับสมาคมผู้ปกครองในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่สามารถติดตามพัฒนาการของบุตรหลานจากการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับโรงเรียนได้

ส่วนมาตรการระยะยาวที่ต้องทำเช่นกัน คือ การปฏิรูปกองทัพให้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและภัยคุกคามที่เปลี่ยนไป แต่ยังต้องมีขีดความสามารถสูง และมีความทันสมัยทางเทคโนโลยี รวมทั้ง ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ และเคารพสิทธิมนุษยชน

ที่สำคัญ ถึงเวลาที่ต้องพิจารณากันอย่างจริงจังว่า การเกณฑ์ทหารของไทย ควรเปลี่ยนไปใช้วิธีรับสมัครจากผู้ที่สมัครใจ แล้วยกเลิกการบังคับให้ทุกคนต้องเกณฑ์ทหารได้หรือยัง เพราะปัจจุบัน มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่าการลดขนาดกองทัพไม่ได้ทำให้ขีดความสามารถในการป้องกันประเทศลดลง ทั้งยังจะช่วยประหยัดงบประมาณและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจอีกด้วย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น