วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

"เรืองไกร" บุกทำเนียบฯ จี้ "ประยุทธ์" ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ "ยิ่งลักษณ์"


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 สิงหาคม 2561 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาสั่งการให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 และคืนทรัพย์สินให้แก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


นายเรืองไกร กล่าวว่า "ได้ทราบข้อมูลการชี้แจงจากอธิบดีกรมบัญชีกลางว่าไม่มีผลขาดทุนจากการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวอยู่ในรายงานการเงินแผ่นดิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 แต่กระทรวงการคลังมีคำสั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวกว่า 35,000 ล้านบาท จึงไม่สอดคล้องกัน เพราะถ้างบการเงินแผ่นดินไม่มีการจัดทำแล้วกระทรวงการคลังเอาตัวเลขใดมาใช้ในการคิดค่าเสียหาย"


นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า "อย่างไรก็ตามตัวเลขผลขาดทุนที่นำมาคิดเป็นค่าเสียหายตามคำสั่งกระทรวงการคลังเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 แต่ต่อมาตามคำสั่งพิพากษาศาลฎีกาฯ คดีหมายเลขแดงที่ 211/2560 ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า แต่ความเสียหายอันเกิดจากการทุจริตที่เกิดขึ้นในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวแต่ละขั้นตอนนั้น เป็นกรณีการกระทำของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ ในข้อนี้แม้จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี และฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พยานหลักฐานที่ได้ความยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในข้อกล่าวหานี้ กรณียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริต หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ข้อต่อสู้ของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น"

ดังนั้นคำสั่งกระทรวงการคลังที่ระบุว่า "ถือได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ จงใจกระทำละเมิด เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหายจึงอาจไม่สอดคล้องกับความเสียหายตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดีหมายเลขแดงที่ 211/2560 จึงเห็นได้ว่าการกล่าวอ้างตัวเลขผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวและนำมาคิดค่าเสียหาย น่าจะเลื่อนลอยไร้พยานเอกสารหลักฐาน เพราะไม่ปรากฏตัวเลขความเสียหายที่อ้างถึงในงบการเงินแผ่นดินแต่อย่างใด ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลทำกับนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงเป็นไปโดยปราศจากหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานการบัญชีและมีผลทำให้ในปัจจุบัน ตัวเลขที่นำมากล่าวอ้างเป็นความเสียหายแล้วออกคำสั่งเรียกให้ชดใช้สินไหมจำนวนกว่า 35,000 ล้านบาท เหล่านี้จะยิ่งคงค้างและติดพันต่อไปจนมิอาจแก้ไขได้ และเป็นความเสียหายที่น่าจะขัดแย้งกับคำพิพากษาดังกล่าวด้วย ดังนั้นจึงควรยกเลิกคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559" นายเรืองไกร กล่าว





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น