วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

"พิชัย" ชูแนวคิด "ทักษิโณมิกส์" เวอร์ชั่นใหม่ เชื่อ เป็นความหวังของประชาชน


#TV24 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนําพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า "ตามที่ได้เสนอแนวคิด ทักษิโณมิกส์ ปรับปรุงใหม่ หรือ เวอร์ชั่นใหม่ เมื่อตอนเข้ารายงานตัวกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในการถูกเรียกครั้งที่ 11 นั้น อยากให้มั่นใจว่า แนวคิดทักษิโณมิกส์เวอร์ชั่นใหม่นี้ เป็นความคิดส่วนตัวของตนในการนําหลักคิดทางเศรษฐกิจเดิมในสมัยพรรคไทยรักไทยที่ประชาชนชื่นชอบมาพัฒนาต่อยอด โดยชื่อ ทักษิโณมิกส์ นี้ อดีตประธานาธิบดี อาร์โรโยของประเทศ ฟิลิปปินส์เป็นผู้ตั้งให้ในปี 2546 และพยายามจะนําไปใช้พัฒนาประเทศฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นชื่อสากลที่รู้จักกันทั่วโลก"

"ชื่อทักษิโณมิกส์นี้ จึงไม่ได้มีการครอบงําแต่อย่างใด คล้ายกับการนำแนวคิดเศรษฐกิจแบบเคนเซี่ยน ของจอร์น เมย์ นาร์ด เคนส์ หรือ เรแกนโนมิกส์ ของอดีตประธานาธิบดีเรแกน แล้วนํามาพัฒนา แนวคิดหลักๆคือ การลดรายจ่าย เพิ่ม รายได้ และ ขยายโอกาส ประกอบกับการพัฒนาเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน (Dual Track)ที่พัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ด้าน บนไปพร้อมกับพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ลดช่องว่างของรายได้ พัฒนาให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งจะแก้ไขไม่ให้ ประชาชนรู้สึกว่าทําไมเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวแต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกว่าดีขึ้นเลยแต่กลับแย่ลง" นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า "ทักษิโณมิกส์เวอร์ชั่นใหม่นี้ จะนําเทคโนโลยีสมัยใหม่ในด้านต่างๆ และนําสภาวะแวดล้อมของ โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเข้ามาร่วมพัฒนาแนวคิด เพื่อให้ประเทศไทยก้าวหน้าได้ทันโลก หลังจากล้าหลังมากว่า 4 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังจะเป็นการสร้างความหวังและความสุขให้กับประชาชนได้ทันทีตั้งแต่วันแรกหากพรรคเพื่อ ไทยได้เข้าบริหารประเทศโดยไม่ต้องรอ 4 ปีแล้วค่อยมาคิดทํา จนหลายคนสงสัยว่าหากพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็น นายกอีก ประชาชนจะต้องรออีก 3-4 ปีหรือไม่ ถึงจะมีแนวทางช่วยประชาชน"

"โดยหลังจากมีประกาศให้พรรคการเมืองดําเนินกิจกรรมได้ จะมีการเสนอ แนวคิด ทักษิโณมิกส์ เวอร์ชั่นใหม่นี้เข้าสู่ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และที่ประชุมพรรค เพื่อพิจารณาทําเป็นนโยบายของพรรคต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะทําให้ความ นิยมของพรรคเพื่อไทยพุ่งสูง และเป็นความหวังของประชาชนได้อย่างแน่นอน" นายพิชัย กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น