วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562

"วัฒนรักษ์" แนะรัฐเร่งสานความสัมพันธ์สหรัฐ

“ผู้กองมาร์ค” วอน “ลุงตู่” เร่งประสานความสัมพันธ์สหรัฐ ก่อนเสียสิทธิทางภาษีกว่า 4 หมื่นล้าน


27 ต.ค.2562 / ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เลขานุการกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภายใต้การปกครองประเทศซึ่งโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากว่า 5 ปีนั้น ประเทศไทยบอบช้ำมามากแล้ว และจากกรณีที่สหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (Generalized System Preference: GSP) จากไทยจำนวน 600 รายการ มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท มีผล 6 เดือนหลังประกาศ ณ วันที่ 25 ต.ค.62 โดยอ้างเหตุเรื่องสิทธิ สวัสดิการแรงงานไทยล้มเหลว ไม่สามารถจัดการแรงงานให้เทียบมาตราฐานสากลได้ และจากการที่ปัญหาเศรฐกิจตกต่ำมากมาโดยตลอด ซึ่ง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมาก็ไม่ได้ผล แถมตอนนี้ยังมีมาตรการจากสหรัฐอเมริกาที่ตัดสิทธิ GSP อีก อย่างนี้คนไทยจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้อย่างไร

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ฯ กล่าวอีกว่า จากการที่ตนได้ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับสหรัฐอเมริกามาหลายรัฐบาล ทราบดีถึงระบบการทำงานที่เป็นมืออาชีพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยึดผลประโยชน์ของประชาคมโลกเป็นหลักมาโดยตลอด และจากความสัมพันธ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยมีมายาวนาน จึงเป็นไปได้ยากที่ว่า สหรัฐจะมีมาตราการตอบโต้ไทยจากการที่ได้สั่งแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิด เพราะสหรัฐอเมริกาเองก็คงไม่ยอมให้บริษัทสารพิษมาบัญชาการอยู่เบื้องหลัง   และท่ามกลางความขัดแย้งของสองมหาอำนาจ  รัฐบาลไทยควรต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก  เพราะจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ หรือรัฐบาลให้ประเทศจีน มาทำ เมกะโปรเจกต์ ในประเทศไทยมากเกินไป หรือไปเอาใจและใช้เงินภาษีของประชาชนคนไทย ซื้ออาวุธ จะเป็นต้นเหตุหรือไม่ ก็ไม่อาจจะทราบได้ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ตนจึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์เร่งประสานความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาโดยด่วน และเสริมสร้างรายได้ให้กับคนไทยทันที่ โดยการสนับสนุนให้คนไทยใช้ของไทย ส่งเสริมการส่งออกอย่างเป็นระบบ สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาระบบ Blockchain ระบบโครงข่ายในการทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อนำเงินภาษีเข้าสู่ระบบ และจัดเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และจัดการเพื่อให้มีความสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับนักลงทุนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น