วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563

"อนุดิษฐ์" แนะรัฐแยกกลุ่มเสี่ยงโควิด-พักห้องละคน

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้


ปัญหาที่เกิดขึ้น
ฝ่ายค้านคงได้แต่แนะนำครับ

เราเพียงจะบอกว่า ถ้าเราเป็นรัฐบาล
เราจะทำตามที่เสนอนี้ และจะทำตั้งแต่ 2เดือนก่อนหน้านี้แล้ว

การ Quarantine กลุ่มเสี่ยง ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะไม่มีปัญหาเลย ถ้ารัฐบาลทำดังนี้

1. เตรียมสถานที่ Quarantineไว้ เป็นห้องพัก โดยให้พักห้องละ1คน และพร้อมให้อยู่คนละ 14วัน

ขณะนี้มีโรงแรมที่ไม่มีคนเข้าพัก และได้แสดงเจตจำนงค์ อยากให้รัฐบาลไปใช้เป็นที่เก็บตัว และเป็น Hospitel จำนวนหลายหมื่นห้องทั่วประเทศ

2. หาห้องได้จำนวนเท่าไหร่ ก็จัดสรรแบ่งโควต้าให้สถานทูตแต่ละประเทศต้นทางได้ทราบจำนวนที่รับได้ ว่ากลับได้วันไหน และจำนวนกี่คน

สถานทูตแต่ละแห่งสามารถจัดลำดับ และรายชื่อคนที่จะกลับได้ด้วยตัวเอง ทะยอยกันมาตามวันที่กำหนดไว้

3. คนไทยที่จะกลับประเทศ เมื่อได้ทราบวันกลับจากสถานทูตและยืนยันการกลับของตัวเองแล้ว ต้องไปตรวจร่างกาย และมีใบรับรองแพทย์ภายใน 3วันก่อนการเดินทางให้เรียบร้อย

4. เมื่อกลับถึงประเทศไทย รัฐบาลต้องส่งเจ้าหน้าที่แบบที่รู้เรื่องสามารถตอบคำถามได้ พร้อมรถรับส่งตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด พาไปส่งยังสถานที่ซึ่งจัดเตรียมไว้

5. สถานที่ที่จัดเตรียม แน่นอนว่าต้องมีระบบ Quarantine ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อประชาชนได้พักอย่างสดวกสบายตามสมควรเป็นเวลา 14วัน ซึ่งคุณหมอได้คิดไว้ให้เสร็จสรรพแล้ว ใช้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสาธารณสุขจำนวนไม่มาก พร้อมดำเนินได้ทันที

เมื่อรัฐบาลสามารถจัดหาสถานที่ Quarantine เพิ่มเติมได้ ก็ส่งยอดให้สถานทูตแต่ละประเทศ เพื่อทะยอยส่งคนไทยกลับตามขั้นตอนข้างบนนี้ต่อไป

ทุกคนเป็นคนไทย อยากกลับบ้านต้องได้กลับ และต้องได้รับการดูแลตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐที่ตัองจัดการให้เรียบร้อยครับ

ไม่ใช่กลับมาถึงไทยแล้วจัดให้นอนกับผู้ร่วมเดินทางคนอื่น กลายเป็นหนีเสือปะจรเข้ ต้องมาติดเชื้อที่บ้านเกิด หรือปล่อยปละละเลยให้กลุ่มเสี่ยงออกไปแพร่เชื้อต่อโดยไม่กักตัว แบบนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไม่มีทางลดลงครับ

ในฐานะฝ่ายค้าน เราคงได้แต่แนะนำ
ส่วนรัฐบาลจะเลือกทำให้เป็นระบบ หรือจะทำแบบขอไปทีอย่างที่ผ่านมา คงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและการเอาใจใส่กำกับดูแล ของท่านนายกแล้วหล่ะครับ

#โควิด19

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น