วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

"ทวี" แนะรัฐลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสิทธิเท่าเทียม-มุ่งสู่รัฐสวัสดิการ

เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ จัดงาน “มหกรรมรัฐธรรมนูญใหม่สู่รัฐสวัสดิการ: ประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ รัฐสวัสดิการ” ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการเสวนา “ความเป็นไปได้ของการจัดสรรงบประมาณในประเทศเพื่อจัดรัฐสวัสดิการ” นำโดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และเลขาธิการพรรคประชาชาติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายเดชรัต สุขกำเนิด นักวิชาการอิสระ และนายนิมิตร์ เทียนอุดม เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ดำเนินรายการโดย นางสาวหทัยรัตน์ พหลทัพ บรรณาธิการเดอะอีสานเรคคอร์ด ทั้งนี้มีประชาชนเข้าร่วมงานเสวนาเป็นจำนวนมาก ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุว่า “วันนี้คิดว่ามีความเป็นไปได้ของรัฐสวัสดิการ แต่ก่อนที่จะถึงเรื่องความเป็นไปได้นั้น ก็มีความยาก ความท้าทาย เพราะการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย เพราะเราถือรัฐธรรมนูญนิยม ซึ่งคือรัฐธรรมนูญต้องเป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นต้องยอมรับว่าเมื่อเป็นรัฐธรรมนูญนิยมจะมีการแย่งชิงผลประโยชน์ ซึ่งประเทศไทยนั้นมี 4 รัฐมาโดยตลอด คือ 1.รัฐประหาร 2.รัฐธรรมนูญ 3.รัฐสภา 4.รัฐบาล แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังมีรัฐอิสระที่คอยจัดการตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มาตามรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มาจากประชาชนแต่มีอำนาจมาก”

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า “รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่มีเรื่องของรัฐสวัสดิการ แต่เป็นเรื่องของการสงเคราะห์ทุกอย่าง อย่างเช่น เรื่องของผู้สูงอายุ ที่ต้องมีการไปพิสูจน์ความยากจนพิสูจน์ความยากไร้ ต้องทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเมื่อมาดูในเรื่องของงบประมาณแทบจะไม่มีทางออก เพราะการจัดตั้งงบประมาณจะต้องยึดตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ ดังนั้นการแก้ความเหลื่อมล้ำวันนี้ไม่ต้องแก้อะไรมาก เพียงแต่ทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เสมอกัน นั่นก็คือรัฐสวัสดิการ ซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปที่รัฐธรรมนูญที่จะต้องเขียนให้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน”

“ปัจจุบันยังมีรัฐประหารเงียบอยู่ด้วย คือในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ที่ให้ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าในระบบประชาธิปไตย อำนาจบริหารนั้นจะต้องยึดโยงกับประชาชน โดยประชาชนจะต้องสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านระบบตัวแทนได้ แต่วันนี้มีรัฐประหารเงียบทำให้ให้ประชาชนไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้” 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวในช่วงท้ายว่า "มีงานเฉพาะด้าน อยากจะฝากอาจารย์เดชรัตน์กับทุกคน คือตอนนี้มีการจัดตั้งงบประมาณปี 2565 การจัดทำงบประมาณครั้งนี้อยากให้ภาคประชาชนเข้าไป โดยเฉพาะสิ้นเดือนนี้พอเดือนมกราคมก็เสร็จ เราจะทำยังไงวันนี้ถ้าเราเอาแต่ปฏิรูปกองทัพหรือจะทำให้กองทัพเล็กลง เราต้องเดินไปหยุดงบประมาณแบบประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกอันคือเราคงไม่ใช่มองแค่เราจะเก็บเงินเข้าเป็นภาษีมาบริหาร เพราะวันนี้คนกังวลว่าพอเก็บมาแล้วมันไม่ได้ย้อนกลับไปที่ประชาชน เช่น ปีนี้เราเพิ่มงบจากปีที่แล้วมาหนึ่งแสนล้านบาท 80% เพิ่มไปยังข้าราชการ ส่วนอีก 20% ไปยังประชาชน ถ้าเราเสียภาษีไปแล้วมันไม่ย้อนกลับมาหาประชาชน และสิ่งหนึ่งที่ท่านพิธาพูดคือ ผมได้ตั้งข้อสังเกตกับผู้ว่าแบงก์ชาติไปว่า ครั้งนี้ทำไมดอกเบี้ยเงินฝากประชาชนแค่ 1.5% แต่สินเชื่อส่วนบุคคล 25% แล้วเขาออกระเบียบว่าก่อน 28% ท่านไปยกค่าธรรมเนียม อันนี้ประเทศไทยเรามันสูงมาก เราจึงเห็นธนาคารรวยแล้วรวยอีก แม้แต่ธนาคารของรัฐที่จะเข้ามาทำตามนโยบายก็รวย สิ่งต่างๆพวกนี้มันเป็นการเอาเปรียบประชาชน คือ ดอกเบี้ยเป็นมะเร็งร้ายของชีวิตไปตลอดชีวิต แล้วอีกอย่างหนึ่งรัฐต้องมาดูเรื่องลดค่าใช้จ่าย เช่นค่าไฟน่าจะลดอีกซักครึ่งหนึ่ง วันนี้เรายอมให้นายทุนยอมให้เอกชนขายไฟราคามาแพงมาให้รัฐ ทั้งที่กฎหมายบอกว่า เอกชนจะต้องไม่เกิน 50% วันนี้เกือบ 70% แล้ว ไปซื้อไฟกับเอกชนบางที 11 บาท รวมค่าต่างๆ ราคาต้นทุนเขา 1 บาทกว่าๆเอง แล้วมาเก็บกับประชาชน 4 บาท ผมคิดว่าประชาชนต้องมีเวที เราจะสู้กับรัฐบาลต้องสู้ด้วยความรู้ อย่าสู้ด้วยอารมณ์"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น