วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

“ทวี” หนุน น้ำพางโมเดล สิทธิของเกษตรกรและบุคคลที่ทำงานในเขตชนบท

เลขาธิการพรรคประชาชาติ ชี้ “น้ำพางโมเดล” สิทธิของเกษตรกรและบุคคลที่ทำงานในเขตชนบท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

ได้ร่วมในวันสถาปนา โครงการ  “น้ำพางโมเดล” อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน จากเขาหัวโลนเป็นระบบเกษตรเชิงนิเวศครบ 5 ปี เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ณ โรงเรียนน้ำพาง อำเภอแม่จริม น่าน

‘น้ำพางโมเดล’ สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวั่นใจกับนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล เมื่อปี 2558 เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่ของชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิ์ ชาวบ้านน้ำพาง จึงรวมตัวลุกขึ้นสู้ผ่าน ‘น้ำพางโมเดล’ ที่จะฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนของตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมากลายสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น เพราะทำไร่ข้าวโพดมานาน ลุกขึ้นของชาวน้ำพางเพื่อรักษาวิถีชีวิตเกษตรกร สิทธิชุมชน  ด้วยการคนอยู่กับป้าที่รักษาทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมและบริบทท้องถิ่นที่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

กฏหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายไทยที่เกี่ยวกับที่ดิน ป่าไม้ และที่ดินของรัฐเป็นกฏหมายที่ใช้เหมารวมเต็มพื้นที่ทั้งประเทศ จึงไม่เหมาะสมกับบริบทของวิถีชีวิตของประชาชนในบางพื้นที่ และปฏิญญาสหประชาชาติสว่าด้วยสิทธิของเกษตรกรและบุคคลอื่นที่ทำงานในชนบท ที่ได้รับการรับรองจากสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อธันวาคม 2561 ประกอบด้วยสาระสำคัญ 28 ข้อ (ภายหลังจากรัฐธรรมนูญปี 2560)โดยรับรองสิทธิเกษตรกรและบุคคลอื่นที่ทำงานในเขตชนบทมีสิทธิที่จะเข้าถึง และใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีในชุมชนของตนด้วยวิธีการที่ยั่งยืน ที่จำเป็นต่อเงื่อนไขการดำรงชีพที่เพียงพอ สิทธิด้านการอนุรักษ์และปกป้องสิ่งแวดล้อม และสรรถภาพด้านการผลิตของที่ดินของตน และของทรัพยากรที่ตนใช้และบริหารจัดการ ในปฏิญญาฉบับนี้ พวกเขามีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในการการบริหารจัดการทรัพยากรเหล่านี้ เข้าถึง ใช้ บริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเท่าเทียม สามารถการจัดการด้านที่ดิน และการปฏิรูปการเกษตร และในโครงการตั้งรกรากใหม่บนที่ดินได้

การที่กฎหมายและนโยบายของรัฐเป็นลักษณะ รัฐรวมศูนย์ ที่เอาทรัพยากรไปรวมไว้ส่วนกลาง จะมีหน่วยราชการระดับกระทรวง กรมเกิดหลายหน่วย แต่คนที่รู้ปัญหาที่ดินและชุมชนที่สุดคือ ประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนดังนั้นการแก้ปัญหารัฐบาลยิ่งแก้ยิ่งคนออกมาเรียกร้องและยิ่งมีความขัดแย้งยิ่งมากขึ้น 

ปัญหาที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทยเป็นปัญหาใหญ่ที่เห็นตรงกันว่าต้องปฏิรูปทั้งระบบในเรื่องแนวคิดที่ว่า อะไรเป็นทรัพย์ของแผ่นดินต้องเป็นทรัพย์ของประชาชนไม่ใช่ของรัฐราชการ เริ่มในการปฏิรูปโดยรัฐบาลถอยออกมาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ชุมชนเป็นผู้จัดการตนเอง ไม่ควรที่จะเอาการปฏิรูปที่ดินและชนบทไปอยู่ในอุ้งมือของข้าราชการ การปฏิรูปนอกจากรับโครงสร้าง การบริหาร ระบบกฎหมายแล้วต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเรื่องที่ดินทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้คนชนบทและเกษตรกรเข้าถึงความยุติธรรมกับตำรวจ อัยการ ศาล อย่างความเป็นจริง ถูกต้อง เป็นธรรม ตอนนี้ได้ไปรับฟังจากชาวบ้านพบว่ามีปัญหาชาวบ้านค่อยข้างมากเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนในเรื่องที่ดิน กรรมสิทธิ์ ปัญหาหนึ่งก็คือเรื่องแนวเขตที่ชัดเจน พบว่าประเทศไทยมีเนื้อที่ประมาณ 320 ล้านไร่เศษ แต่ปรากฏว่าที่ดินของรัฐที่จัดทำแนวเขตของที่ดินที่รัฐดูแลโครงการ ONE MAP ที่จัดทำมานานแล้วแต่ยังไม่เสร็จ พบว่ามีพื้นที่ประมาณ 458 ล้านไร่เศษ

กว่าล้านไร่มากว่าประเทศไทยอีก และเมื่อรวมกับที่ดินเอกชนที่เป็นเอกสารสิทธิ์ที่เป็นของประชาชนที่เป็นโฉนดอีกฏประมาณ 128 ล้านไร่เศษจะประมาณ 556 กว่าล้านไร่ เกินกว่าที่ดินทั้งประเทศเกือบเท่า แล้วพอไปดำเนินคดีกับประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ที่เป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศกำหนดต้องบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด ต่างกับรัฐธรรมนูญก่อนๆเช่น ปี40 หรือ 50 ที่กำหนดต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรม พอบังคับใช้กฏหมายโดยเคร่งครัดประชาชนย่อมเป็นฝ่ายแพ้คดี เนื่องจากกฏหมายไม่แน่นอนดินได้และไม่เป็นจริง ในเรื่องของกฏหมาย ในทางอาชญาวิทยากฎหมายสามารถเป็นอาชญากรได้ถ้าเป็นกฏหมายการละเมิดสิทธิ ศักดิ์ศรีและกฏขี่ข่มเหงประชาชน 

รัฐมีงบประมาณของหน่วยราชการในแต่ละปีประมาณ3-4 หมื่นล้านบาท เพื่อรักษาพื้นที่ป่าไม้ แต่พอดูภาพถ่ายทางอากาศก็ป่าหายทุกทีเลย รัฐอ้างผลงานที่ไปยึดกรรมสิทธิ์ที่คืนจากคนอยากไร้ คนที่อาศัยอยู่ในป่ามาหลายชั่วอายุที่ทำมาหากินในที่ต่อเนื่อง แต่ถ้าดูภาพถ่ายทางอากาศรัฐไม่สามารถรักษาป่าไม้ได้ด้วยซ้ำเพราะภาพถ่ายป่าตะหายไปตลอด และการบุกรุกทำลายป่ายังมีอยู่ ที่สำคัญรัฐไม่จริงจังทวงคืนจากคนรวยที่ไปเช่าป่าเช่าพื้นที่ในราคาถูกๆ พอหมดสัญญายังทำลูบหน้าปะจมูกที่มีพื้นที่ประมาณหลายล้านไร่ขณะนี้ ก็ไม่เอาคืน ทำการปฏิรูปที่ดินเพื่อประชาชน ไม่เกิดขึ้นจริง

น้ำพางโมเดล เป็นการลุกขึ้นสู้เพื่ออยู่รอดเป็นชีวิต เพื่อสิทธิชุมชน จากนโยบายทวงคืนผืนป่าของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เป็นกรมอุทยานคืออุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งเพิ่งประกาศภายหลัง และกรมป่าไม้คือป่าสงวนป่าน้ำว้า-แม่จริม เนื้อที่ประมาณ 1,875ไร่ ชาวบ้านประมาณ 134 ราย เพื่ออนาคตชาวบ้านได้มีความเห็นร่วมกันจนมีมติเป็น  ‘น้ำพางโมเดล’ จึงเกิดขึ้นให้คนอยู่กับป่า อยู่กับทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน เป็นการยืนยันสิทธิในการพัฒนาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่กำหนดชะตากรรมเพื่อยังชีพ เพื่อตลาด และที่พึ่งพิงแรงงานในครอบครัวหรือในครัวเรือน และใช้วิธีการจัดหาแรงงานที่ไม่ใช้ตัวเงิน เป็นสำคัญ แม้จะไม่พึ่งเพียงแต่อย่างเดียว และมีความพึ่งพาอาศัยและผูกพันต่อผืนดินเกิด ที่การพัฒนาต้องใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่รัฐรวมศูนย์ และเป็นแนวทางการพัฒนาที่ยังยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น