วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

"หมวดเจี๊ยบ" เผย "เพื่อไทย" โดนขู่ฆ่า-ดักอุ้ม-คุมตัว หลังวิจารณ์รัฐทุจริต


ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ทีมสำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ไม่ใช่แค่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ที่ถูกข่มขู่ทางโลกโซเชียลมีเดีย เพราะทางฝ่ายพรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยนั้น โดนคุกคามมานานแล้ว ถ้านับรวมทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ ก็มีไม่ต่ำกว่า 300 กรณี และไม่ใช่แค่โดนโพสต์ขู่ แต่เป็นการถูกกระทำจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการมาดักชก ถูกอาวุธปืนยิงถล่มบ้าน ซึ่งมีทั้งกรณีที่ยิงโดน และยิงไม่โดน ซึ่งบางรายก็ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางรายถึงกับเสียชีวิต นี่ยังไม่รวมอดีต ส.ส. และแกนนำพรรค ที่ตั้งแต่มีการปฏิวัติจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ทหารตามประกบเป็นระยะๆ ซึ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกปลอดภัย แต่รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม นอกจากนี้ ยังมีพี่น้องประชาชนที่ถูกอุ้มไปคราวละ 7 วันบ้าง หรือนานกว่านั้นบ้าง หลังจากออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร หรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ในส่วนของตัวดิฉันเองนั้น ก็มีผู้หวังดีในโซเชียลมีเดีย ส่งข้อความมาเตือนเช่นกันว่าระวังจะโดนอุ้ม จากกรณีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล นอกจากนี้ ก็ช่างบังเอิญเหลือเกินที่อยู่ๆ ป.ป.ช. ก็เคลื่อนไหวเรื่องตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของดิฉัน ในช่วงเวลาเดียวกับที่ดิฉันออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดย ป.ป.ช. ได้ออกคำสั่งเรียก ญาติพี่น้องทั้งฝ่ายพ่อฝ่ายแม่ของดิฉันมาสอบสวน 3-4 คน โดยญาติบางคน เป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ถึงกับต้องนั่งรถทัวร์จากใต้ ขึ้นมากรุงเทพฯ เพื่อให้ปากคำต่อ ป.ป.ช. ทั้งๆที่แถวบ้านของญาติคนนั้นกำลังโดนน้ำท่วมมิดหัว และอันที่จริงตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาลที่ดิฉันเคยได้รับนั้น ก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเรื่องผลประโยชน์ เรียกว่าไม่ได้มีอำนาจในการอนุมัติโครงการอะไรแม้แต่สลึงเดียว แต่กลับถูก ป.ป.ช. ตั้งข้อสงสัยเรื่องบัญชีทรัพย์สิน"

"เห็นหรือไม่ว่าความกดดันที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยได้รับนั้นก็มีมากมายเช่นกัน เมื่อเปรียบกับกรณี พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร แล้ว จะเห็นได้ว่าพวกท่านโชคดีกว่ามาก เพราะมีทหารตามคุ้มกันเป็นร้อยๆนาย พร้อมอาวุธครบมือ แถมยังมีรถกันกระสุนให้นั่ง ในขณะที่ นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามของท่านและพี่น้องประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลและการยึดอำนาจนั้น มีแค่สองมือเปล่า และส่วนใหญ่ก็ไปไหนมาไหนตามลำพัง ไม่ได้มีลูกน้องถือปืนเดินตามคุ้มกันเหมือนอย่างพวกท่าน เพียงแต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ออกมาฟ้องสังคมเท่านั้น และไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะใส่ใจหรือให้ความสำคัญเท่ากับกรณีของนายกฯ หรือรองนายกฯ หรือไม่? ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือเป็นชาวบ้านธรรมดา ก็มีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่ากันทั้งสิ้น"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น