วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562

"สุดารัตน์" เผย จะไม่ทนกับปัญหาเกษตรกร

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ภัยแล้ง!! ความทุกข์ยากของพี่น้องเกษตรกรเกือบทั้งประเทศ ที่ไร้สัญญาณตอบรับจากรัฐบาล และนายกฯหน้าเดิมที่บริหารประเทศมาแล้ว กว่า 5 ปี

ถ้ายังเพิกเฉยต่อความทุกข์ของประชาชนอย่างนี้ #ฝ่ายค้านจะไม่ทน อีกต่อไป คงต้องเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจกันนะคะ

ตอนนี้เจอ ส.ส.คนไหน ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า วันนี้ปัญหาภัยแล้งคือปัญหาอันดับที่ 1 ที่พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ฝากให้ ส.ส.ของพวกเขาไปผลักดันส่งเสียงในสภา เพราะสภาพภัยแล้งวิกฤติเกินเยียวยาแล้วค่ะ

เกษตรกรไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวสวนชาวไร่ ต่างเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส พืชผลที่ลงทุนลงแรงปลูกเสียหายหมดสิ้น ขณะนี้น้ำกินน้ำใช้หลายแห่งก็ไม่เพียงพอแล้ว

อย่างเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ดิฉัน และ #ทีมเพื่อไทย เราได้จัดประชุมยุทธศาสตร์สัญจร “เพื่อไทย สร้างไทย” ที่ จ. ร้อยเอ็ด เราได้ไปเห็นสภาพที่น่าวิตกมาก เช่น ที่ลำเสียวใหญ่ ลำน้ำสายหลักของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่มีความยาวประมาณ 245 กม. น้ำแห้งสนิทจนควายลงไปเดินบนพื้นลำน้ำได้ อย่างรูปที่ลงมาให้ดูกัน

ก่อนหน้านี้ ดิฉันและ #ทีมเพื่อไทย ได้เรียกร้องให้นายกฯหน้าเดิม เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในเรื่องนี้มากว่า 3 เดือนแล้ว แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ ชาวบ้านยังคงจมอยู่กับความยากลำบากอย่างเดียว

วันนี้ #ทีมเพื่อไทย ขอเรียกร้องอีกครั้ง ให้นายกฯเร่งช่วยเกษตรกรที่กำลังจะตายกันหมดแล้ว เพราะผลผลิตเสียหาย ต้องกู้หนี้ยืมสินมากมาย และกำลังขาดน้ำกินน้ำใช้ในหลายพื้นที่

โดยเฉพาะที่เราเรียกร้องมาตลอด คือ

1) ต้องเร่งจ่ายเงินชดเชยภัยแล้งให้เกษตรกร ให้เงินถึงมือเกษตรกร ภายในสิ้นเดือนนี้!! เพราะถ้าหากได้เงินชดเชยทันเวลา และหากมีฝนตกในช่วงปลายปี จะได้เอาเงินนี้ไปลงทุนปลูกอย่างอื่นได้บ้าง

2)ดิฉันเห็นว่าที่รัฐบาลอนุมัติกรอบการช่วยเหลือมานั้น ถือว่าน้อยไป คือ
ชาวนาจะได้คนละ 1,113 บาทต่อไร่ : ไม่เกิน 30 ไร่ : รวม 33,390 บาท
ชาวไร่จะได้คนละ 1,142 ต่อไร่ : ไม่เกิน 30 ไร่ : รวม 34,440 บาท
ชาวสวนจะได้คนละ 1,690 ต่อไร่ : ไม่เกิน 30 ไร่ : รวม 50,700 บาท

เพราะความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เราพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินมากนัก เช่น ชาวนาส่วนใหญ่จะมีเพียงคนละ 5-10ไร่ ถ้าได้ชดเชยแค่ 1,113 บาทต่อไร่ ก็ได้เงินนิดเดียวไม่พอทำทุนต่อ ไม่เพียงพอที่จะเยียวยาความเสียหายจากการที่ข้าวยืนต้นตายมาก่อนหน้านี้หลายรอบ

ดิฉันจึงขอเสนอให้ทบทวนเพิ่มวงเงินช่วยเหลือโดยให้จ่ายเป็นขั้นบันได เช่น ชาวนา 10 ไร่แรก ควรชดเชยไม่ต่ำกว่าไร่ละ 2,500บาท

“ความทุกข์ของพี่น้อง ควรต้องได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที” นี่คือสิ่งที่ทีมเพื่อไทยยืนยันมาตลอด

เห็นได้จาก ส.ส.ของเรา ได้พยายามสะท้อนปัญหาในสภามาทุกสัปดาห์ อย่างเมื่อวานนี้ ส.ส.ดร. สุทิน คลังแสง ก็ได้ตั้งกระทู้สดเรื่องภัยแล้ง พร้อม ส.ส. ทีมเพื่อไทย อีกหลายคน ที่ได้นำปัญหาภัยแล้งมาหารือในสภาเมื่อวานด้วย เช่น ส.ส. สุชาติ ภิญโญ (โคราช), ส.ส. นพ. สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ (ชัยภูมิ), ส.ส. อนุรักษ์ บุญศล (สกลนคร), ส.ส. พรเพ็ญ บุญศิริวัฒน์กุล (ชัยภูมิ), ส.ส. ณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี (หนองบัวลำภู), ส.ส. นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ (ศรีษะเกษ) เป็นต้น

แต่จนบัดนี้เกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งก็ยังไม่ได้รับการเหลียวแลใดๆ จากรัฐบาล

ถ้าเรื่องนี้รัฐบาลยังเพิกเฉยไม่เร่งช่วยเหลือเกษตรกร ให้ทันท่วงที ฝ่ายค้านคงต้องเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจค่ะ

ถ้าอยากเป็นนายกฯ อยากเป็นรัฐบาล 

ต้องทุกข์ร้อนกับความทุกข์ของประชาชนด้วย
#ฝ่ายค้านจะไม่ทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น