วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2563

"ภาคกทม.เพื่อไทย" เร่งรัฐ จัดเลือกตั้งผู้ว่าฯ

 “การุณ” ชี้ กรุงเทพฯถอยหลัง คนกรุงเสียโอกาส ชงผู้มีอำนาจรีบเลือกตั้งผู้ว่าฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร สมาชิกภาค กทม. ของพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน คณะกรรมาธิการการจัดทำ และติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากการติดตามการบริหารจัดการงบประมาณของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร พบว่า  การใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานคร 7 ปีที่ผ่านมา ใช้งบประมาณไปกว่า 517,000 ล้านบาท แต่ตนเองแทบไม่เห็นผลงานอะไรที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเลย รถยังติด น้ำยังท่วม อากาศยังเป็นพิษ จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่าทำไมการใช้งบประมาณเกิน 5 แสนล้านบาท จึงไม่มีผลงานมาโชว์ชาว กทม.เลย แต่ตรงกันข้ามกลับมีคำครหามากมายว่าการจัดทำงบประมาณส่วนใหญ่เป็นการจัดงบประมาณซ้ำซ้อน และหลายโครงการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนมากกว่าที่จะเอื้อประโยชน์ประชาชน

 

ตนเองมั่นใจว่าตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจในปี 57 และใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่งตั้งผู้บริหารท้องถิ่นเกือบทั่วประเทศรวมทั้ง กทม.ด้วยนั้น ทำให้ชาวกรุงเทพเสียโอกาสในการเลือกตัวแทนเข้าไปบริหารงาน และการที่ผู้บริหารสูงสุดของ กทม.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจึงไม่มีอะไรที่ยึดโยงกับชาวกรุงเทพแม้แต่น้อย จึงทำให้การบริหารงบประมาณจำนวนมหาศาลไม่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชน และไม่สามารถแก้ปัญหาเรื้อรังของชาว กทม.ออกไปได้อย่างเป็นรูปธรรมแม้แต่เรื่องเดียว ดังที่เราจะได้เห็นจากสภาพของชาวกรุงเทพที่นับวันมีแต่คุณภาพชีวิตที่แย่ลงไปเรื่อยๆ


นายการุณ กล่าวด้วยว่า การจัดสรรงบประมาณของกรุงเทพมหานครต้องทบทวนใหม่ และต้องใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์กับประชาชน กระบวนการใช้จ่ายงบประมาณต้องสามารถตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อให้เกิดการเร่งรัดผลักดันอย่างจริงจัง แต่ปัจจุบันผู้บริหารกรุงเทพมาจากการรัฐประหาร อาจคุ้นเคยกับการใช้อำนาจที่ไม่ต้องถูกตรวจสอบรวมทั้งไม่เชื่อมโยงกับประชาชนหรือไม่ จึงยังไม่เข้าใจปัญหาของคนกรุงเทพได้ดีพอ ดังนั้นจึงขอเสนอให้เร่งเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยเร็ว เพื่อเปิดโอกาสให้คนกรุงเทพสามารถเลือกผู้บริหารเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้มาจากการแต่งตั้งแบบนี้


“รัฐบาลต้องเร่งคืนอำนาจให้คนกรุงเทพสามารถเลือกตัวแทนเข้าไปทำงานโดยด่วน  10 ปีที่ผ่านมานี้ คนกรุงเทพต้องเผชิญกับปัญหารอบด้าน รวมทั้งความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวสูงขึ้น ผู้บริหารนั่งอยู่แต่ที่ส่วนกลางจึงไม่สามารถที่จะเข้าถึงปัญหาที่แท้จริงได้ เมื่อไม่มีตัวแทนท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง จึงไม่มีใครสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งเชื่อได้ว่าผู้บริหารกรุงเทพมีอาจมีการเลือกปฏิบัติกับประชาชนตามอำเภอใจอีกด้วย ซึ่งคณะกรรมาธิการติดตามงบฯได้ตั้งข้อสังเกตจากการใช้จ่ายงบประมาณของ กทม.หลายโครงการที่มีลักษณะกระจุกตัว เอื้อประโยชน์กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ และอาจเข้าข่ายการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่โปร่งใสอีกด้วย ซึ่งคณะกรรมาธิการฯจะได้ติดตามการใช้งบของ กทม.อย่างใกล้ชิดต่อไป” นายการุณ กล่าว 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น